ขนมอินเดีย ค่ะ

ความรู้สึกที่ได้รับประทานขนมอินเดีย

              ความรู้สึกที่ได้รับประทานขนมอินเดียเป็นครั้งแรก ในความรู้สึกที่ได้เห็นขนมอินเดียนะค่ะ รู้สึกว่าเป็นขนมที่น่ารับประทานมาก  สีสันที่สดใส สวยคนล่ะแบบกับขนมไทยเลยที่เดียว มีความแปลกตาในสีสันของขนมดูแล้วเป็นขนมที่น่ารับประทานเป็นอย่างมาก และเมื่อได้รับประทานเข้าไปรู้สึกถึงความหวานเป็นอย่างมาก  มีกลิ่นหอมแบบแปลกๆ ในขนมนั้น ในความรู้สึกของเรา น่าจะมีส่วนผสมอย่างเช่น  น้ำตาลเป็นส่วนใหญ่  ถั่วเหลือง  กลิ่นของเครื่องเทศ  แป้ง และนม   เจ้าของร้านแนะนำให้รู้จักกับขนมที่ใช้ในการกราบไหว้พระพิฆเนศ  ของชาวอินเดียอีกด้วย

          ชิ้นที่1 ขนมที่มีรูปแบบเป็นเหมือนตะข่าย สีเหลือง รส เหมือนขนมวงของไทย ในนั้นน่าจะเป็นแป้งทอดแล้วน้ำไปชุบน้ำตาล มีรสชาติกรอบหวาน อร่อยดีค่ะ

ชิ้นที่2 ขนมที่มีรูปแบบกลมๆ สีเหลือง ทีรสชาติ หวานน้ำตาล และมีถั่วเป็นส่วนผสมในอินเดียใช้ไว้สำหรับกราบไหว้ขอพรจากพระพิฆเนศ

ชิ้นที่3 ขนมเค้กอินเดีย มีส่วนผสมของ แป้งเค้ก นม น้ำตาล หวานมาก รู้สึกเลี่ยนมาก ความหวานของนมและน้ำตาล เป็นอะไรที่ไม่น่าจะเข้ากันสะเลยค่ะ

แหล่งที่มา  :  ร้าน PUNJAB SWEETS   ในย่านพหุรัด ซอยข้าง เอ็มโพเรี่ยมอินเดีย



ผลิตภัณฑ์ส่งออกผลไม้กระป๋อง

ผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อการส่งออก
             ธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูป เป็นสายงานที่มุ่งเน้นการบริหารการเกษตรเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักมาตรฐานสากล GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งทางบริษัทได้วางระบบการจัดการผลผลิตทางการเกษตรไว้อย่างมีคุณภาพด้วยการทำ Contract Farming ซึ่งหมายถึง การที่บริษัทมาลี เข้าไปซื้อสวนผลไม้และไร่ต่างๆจากเกษตรกรเพื่อเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบเบื้องต้น โดยที่บริษัท มาลีจะยังคงจ้างเจ้าของที่เดิมเป็นผู้ดูแลผลผลิตทางการเกษตรนั้นๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรเข้าไปให้ความรู้แก่เกษตรกรและร่วมดูแลการผลิตอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การวางแผนพัฒนาผลผลิต การเตรียมพื้นที่ปลูก การดูแลรักษาผลผลิต และความปลอดภัยตามที่กำหนดไว้ ตลอดจนจัดระบบการส่งวัตถุดิบเพื่อใช้ในการแปรรูปต่อไป

การทำ Contract Farming นี้จะมีผลดีในแง่ของการควบคุมผลผลิตให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน รวมทั้งกำหนดปริมาณสินค้าได้ตามความต้องการของลูกค้าและโรงงานแปรรูป และที่สำคัญทางบริษัทฯจะได้รับแต่ผลไม้ที่มีความสะอาดและปลอดภัยสูง เพราะเป็นผู้ดูแลผลผลิตด้วยตัวเอง

ผลิตภัณฑ์หลักในการส่งออกของมาลี

ในความหลากหลายของผลไม้กระป๋องนานาชนิดที่ทางบริษัทมาลีเป็นผู้ผลิตนั้น มีผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างชื่อเสียงให้แก่บริษัทฯและเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในต่างประเทศ ดังนี้

สับปะรดบรรจุกระป๋อง

สับปะรดบรรจุกระป๋อง เป็นสินค้าหลักที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูงมาก เพราะรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ของมาลีเอง บวกกับการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก สินค้าของทางบริษัทจึงเป็นสินค้าที่ชาวต่างชาติให้การยอมรับและเชื่อมั่นในคุณภาพเสมอมา

                                         
ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง

ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องคือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่เป็นความต้องการของผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง เพราะมีชื่อเสียงในด้านรสชาติที่อร่อย สะอาด คุณภาพดี ซึ่งเป็นผลมาจากการดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่การคัดเลือกข้าวโพดพันธุ์ดี การควบคุมการผลิตที่มีระบบ จนทำให้ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องของบริษัทมียอดขายที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

ผลไม้เมืองร้อนบรรจุกระป๋อง

อีกหนึ่งความภูมิใจของบริษัท มาลี ผลไม้เขตร้อนบรรจุกระป๋องกลายเป็นสินค้าส่งออกที่มีความสำคัญของประเทศ
ด้วยความหลากหลายของผลไม้ที่นำมาแปรรูป ตลอดจนการพัฒนาสูตรของผลไม้บรรจุกระป๋องให้มีรสชาติดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลไม้เมืองร้อนบรรจุกระป๋องเป็นที่ต้องการของตลาดโลกเป็นอย่างมาก

ผลิตภัณฑ์ผลไม้บรรจุกระป๋องที่มีคุณภาพ จากประเทศไทย
• ทรอปิคอลฟรุตคอกเทล
• เงาะ
• เงาะสอดไส้สับปะรด
• ลำไย
• ลิ้นจี่
• ฝรั่ง
• ลูกตาล
• ขนุน
• มะละกอแดง/เหลือง
• มะม่วง
• ว่านหางจระเข้
• แห้ว



รายละเอียด : เพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้แปรรูป

คาดการณ์การส่งออกปี 2553 : คาดว่าจะมีมูลค่า 1,590.61  ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก
ปี 2552 ร้อยละ 5 

แนวโน้มการส่งออก ปี 2553

การส่งออกเดือนมกราคม-กันยายน มีมูลค่ารวม 1,263.97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.42 จากช่วงเดียวกันของปี 2552  โดยตลาดหลักที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (9.28%) ญี่ปุ่น (7.69%) และเยอรมนี (35.91%) โดยตลาดหลักที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ (-6.53%)

เมื่อพิจารณารายสินค้า พบว่าการส่งออก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป  มีมูลค่า 1,034.8  ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.93 โดยการส่งออก สับปะรดกระป๋อง มีมูลค่า 298.2 ล้านเหรียญฯ ลดลงร้อยละ 1.61 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 ของการส่งออกผลไม้กระป๋องและแปรรูปทั้งหมด  สำหรับการส่งออกผักกระป๋องและแปรรูป มีมูลค่า 229.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.07  โดยการส่งออกข้าวโพดหวาน  มีมูลค่า 118.8  ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.84  คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ของการส่งออกผักกระป๋องและแปรรูปทั้งหมด

คู่แข่งสำคัญ: จีน  เวียดนาม  ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย

ตลาดหลัก : สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี  สหราชอาณาจักร คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54.78

ตลาดอื่นที่อัตราการขยายตัวสูง : รัสเซีย (75.96%) อิตาลี (38.75%)  สเปน (21.86%)  

กลยุทธ์
1. วางแผนการผลิตล่วงหน้า ก่อนฤดูกาลผลผลิตออกสู่ตลาด

2. สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยเน้นการสร้าง Brand และพัฒนาบรรจุภัณฑ์

3. เร่งผลักดันการส่งออกผักผลไม้กระป๋องผ่านช่องทางตลาดที่มีการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี

4. ให้ความรู้ความเข้าใจแก่โรงงานผลิต และเกษตรกรในด้านการควบคุมคุณภาพการผลิตสินค้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์/มาตรฐานที่ประเทศผู้นำเข้ากำหนด

                                     

การวิเคราะห์  SWOT

S : จุดเเข็ง คือ ประเทศไทยมีลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะแก่การเพาะปลูกทางด้านการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ประเทศมีผลไม้หลากหลายชนิด และยังทำให้เกิดการแปรผลไม้เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างแพร่หลาย

W : จุดอ่อน คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเจรจาหารือเกี่ยวกับการเปิดตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศจึงมีความไม่แน่นอน

O : โอกาส คือ ประเทศไทยมีแหล่งเพาะปลูก และเหมาะแก่การทำเกษตรกรรม และยังมีผลไม้ที่ทางต่างประเทศไม่มีเหมือนประเทศไทย ร่วมทั้งยังมีการสนับสนุนของทุกภาคส่วน เพื่อให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก

T : อุปสรรค์ คือ ไทยจะต้องจับตาคู่แข่งที่สำคัญอย่างจีน ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในการส่งออกผลไม้กระป๋อง และแปรรูปที่สำคัญไปยังตลาดโลก แต่เนื่องด้วยจีนยังมีปัญหาในเรื่องของคุณภาพสินค้า จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายการส่งออกของไทย ถึงแม้จะไม่สามารถแข่งขันทางด้านราคาได้ แต่เชื่อว่าสินค้าของไทยน่าจะแข่งขันทางด้านคุณภาพได้ ดังนั้น การที่ไทยจะสามารถขยายการส่งออกได้นั้น ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าของไทยสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่สำคัญในตลาดโลกได้

แหล่งที่มา : http://www.malee.co.th/thai/product_malee1.php
                    http://www.depthai.go.th/Default.aspx

ประเทศเนเธอร์แลนด์

เนเธอร์แลนด์ (ดัตช์: Nederland; อังกฤษ: Netherlands) หรือที่มักเรียกกันว่า ฮอลแลนด์ (อังกฤษ: Holland) หรือ ฮอลันดา เป็นประเทศซึ่งตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตกตอนเหนือ ชื่อประเทศมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Neder” หรือ “ต่ำ” เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเนเธอร์แลนด์เป็นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เนเธอร์แลนด์ได้ปรับพื้นที่โดยการสูบน้ำออกจากทะเลสาบและทางน้ำต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ เนเธอร์แลนด์ได้สร้างเขื่อน ทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศประสบภาวะอุทกภัย เนเธอร์แลนด์จึงมีสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมการจัดการน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

วัฒนธรรม
ประเทศเนเธอร์แลนด์มีวันคริสต์มาส 2 ครั้ง วันที่ 5 และ 25 ธันวาคม ถือว่าเป็นวันคริสต์มาสทั้ง 2 วัน วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันนิโคลัสอีฟ โดยมีเรื่องเล่ากันว่า วันที่ 3 พฤศจิกายน เซนต์นิโคลัสหรือซานตาคลอสจะขึ้นม้าจากสเปน มุ่งหน้ามายังกรุงอัมสเตอร์ดัม

สถานที่ท่องเที่ยว

เมืองที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ เช่น อัมสเตอร์ดัม รอตเทอร์ดาม กรุงเฮก เดลฟ์ท

• Keukenhof สวนดอกทิวลิป
• IJsselmeer Outdoor Museum/ The Zuiderzee Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่แสดงวิถีชีวิตของชาวดัตช์ในสมัยโบราณ อาหารการกิน บ้านเรือนและสถาปัตยกรรม
• เมือง Giethorn Water City ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Venice of Holland เป็นเมืองที่อาศัยกับลำน้ำคูคลองมีเทศกาลพาเรดกลางน้ำในตอนกลางคืนให้ชม วิธีการชมก็คือการนั่งเรือออกไป
• Archeon Park, อยู่ที่ Alphen aan den Rijn เป็นกึ่งสวนสนุกและพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีการจัดบรรยากาศให้มีความโบราณ ไล่มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคโรมัน ยุคกลาง ฯลฯ การจัดแสดงและสื่อความหมายใช้คนแสดงเป็นหลัก
• Efteling Park, ที่ Kaastsheuvel เป็นสวนสนุกที่มีบรรยากาศเป็นอุทยานหรือสวนสาธารณะที่เป็นธรรมชาติ เคยได้รับรางวัล Applause award ว่าเป็นสวนสนุกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หากใครเคยไปสวนสนุกแบบอเมริกัน เช่นดิสนีย์แลนด์มาแล้ว Efteling ให้รสชาติอีกแบบหนึ่งไม่แพ้กันเลยทีเดียว
• เมืองตุ๊กตา เมืองจำลอง Madurodam Miniature land เมืองจำลองขนาดเล็กที่อธิบายเกี่ยวกับสถานที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ได้อย่างครบถ้วน
• Polder museum หรือพิพิธภัณฑ์การเกิดแผ่นดินใหม่ และโครงการ Delta projects ที่แสดงเทคโนโลยีการกันน้ำท่วมของชาวดัตช์ตั้งแต่อดีต แสดงให้เห็นว่าชาวดัตช์ใช้ความรู้ ความอดทน และความเป็นนักสู้ต่อสู้กับธรรมชาติ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับสภาพการณ์นั้นอย่างชาญฉลาดอย่างไร วิศวกรรมและศาสตร์ต่างๆที่เกี่ยวข้องถูกนำมาจัดแสดงในหลากหลายระดับ ให้คนเลือกดูเลือกชมและได้รับความรู้ที่แตกต่างกันไป ตามอัธยาศัย

ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์โดยสังเขป ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิก และเคลติก ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้น
ในช่วงปี พ.ศ. 1906-2025 เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของดยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16 เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์และได้สถาปนาสาธารณรัฐดัตช์และ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 (ค.ศ. 1648) จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี และถือเป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์ด้วย
วัฒนธรรม
ประเทศเนเธอร์แลนด์มีวันคริสต์มาส 2 ครั้ง วันที่ 5 และ 25 ธันวาคม ถือว่าเป็นวันคริสต์มาสทั้ง 2 วัน วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันนิโคลัสอีฟ โดยมีเรื่องเล่ากันว่า วันที่ 3 พฤศจิกายน เซนต์นิโคลัสหรือซานตาคลอสจะขึ้นม้าจากสเปน มุ่งหน้ามายังกรุงอัมสเตอร์ดัม
สถานที่ท่องเที่ยว
เมืองที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ เช่น อัมสเตอร์ดัม รอตเทอร์ดาม กรุงเฮก เดลฟ์ท

• Keukenhof สวนดอกทิวลิป
• IJsselmeer Outdoor Museum/ The Zuiderzee Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่แสดงวิถีชีวิตของชาวดัตช์ในสมัยโบราณ อาหารการกิน บ้านเรือนและสถาปัตยกรรม
• เมือง Giethorn Water City ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Venice of Holland เป็นเมืองที่อาศัยกับลำน้ำคูคลองมีเทศกาลพาเรดกลางน้ำในตอนกลางคืนให้ชม วิธีการชมก็คือการนั่งเรือออกไป
• Archeon Park, อยู่ที่ Alphen aan den Rijn เป็นกึ่งสวนสนุกและพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีการจัดบรรยากาศให้มีความโบราณ ไล่มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคโรมัน ยุคกลาง ฯลฯ การจัดแสดงและสื่อความหมายใช้คนแสดงเป็นหลัก

ความแตกต่างกันระหว่าง "การค้าระหว่างประเทศกับการตลาดระหว่างประเทศ" อย่างไร

         ความแตกต่างกันระหว่าง  "การค้าระหว่างประเทศกับการตลาดระหว่างประเทศ" มีความแตกต่างอย่างไร

 การค้าระหว่างประเทศ  ( International trade )   การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างประเทศต่าง ๆ กัน   ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากแต่ละประเทศมีทรัพยากรไม่เหมือนกัน    ประเทศหนึ่งผลิตสินค้าชนิดหนึ่ง แต่ผลิตอีกชนิดหนึ่งไม่ได้ จึงจำเป็นต้องต้องนำสินค้าอีกประเทศหนึ่งที่ตนผลิตได้ไปแลกเปลี่ยนกับอีกประเทศหนึ่ง คือ

          การตลาดระหว่างประเทศ (International marketing) เป็นการค้นหา และการสนองตอบความต้องการของลูกค้าทั่วโลกโดยให้เหนือกว่าคู่แข่งขันทั้งคู่แข่งขันภายในประเทศและคู่แข่งขันจากต่างประเทศตลอดจน การประสานงานกิจกรรมการตลาดร่วมกันภายใต้ข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมระดับโลก

       ส่วนประกอบที่สำคัญของการทำการตลาดระหว่างประเทศโดยมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่     (1) การค้นหาความต้องการของลูกค้าระดับโลก

 (2) การตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับโลก

 (3) การทำให้มีคุณภาพและมีกลยุทธ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน

 (4) การประสมประสานและการประสานกิจกรรมการตลาด

 (5) การตระหนักถึงข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมระดับโลก

          ดังนั้น การค้าระหว่างประเทศและการตลาดระหว่างประเทศ มีความแตกต่างกัน ในด้านคนล่ะภาคส่วนของการทำงานและภาคธุรกิจ ด้านการค้าระหว่างประเทศเป็นการซื้อขายและแลกเปลี่ยนทรัพยากรซึ่งกันและกัน โดยมีการนำเข้าและส่งออกเป็นตัวกลางระหว่างการค้าระหว่างประเทศ  ส่วนด้านการตลาดระหว่างประเทศเป็นการตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของแต่ล่ะประเทศ เพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้ซื้อในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการส่งเสริมด้านการตลาดภายในประเทศและคู่แข่งจากต่างประเทศอีกด้วย